ทันโลกทันยุคทันสมัย เชื่อมโยงบทเรียนในหนังสือเรียนกับชีวิตจริง
หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมชีววิทยา ของ สสวท. เล่ม 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ดังภาพที่ 1 บทที่ 20 หน้า 120 เรื่องระบบต่อมไร้ท่อ ได้กล่าวถึงโรคเบาหวานและอินซูลินไว้ว่า “อินซูลินจะหลั่งออกมามากเพื่อกระตุ้นให้เซลล์ตับและเซลล์กล้ามเนื้อนำกลูโคสเข้าไปในเซลล์มากขึ้น และเปลี่ยนกลูโคสให้เป็นไกลโคเจนเพื่อเก็บสะสมไว้ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงสู่ระดับปกติ ถ้าเซลล์ที่สร้างอินซูลินถูกทำลาย ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงกว่าปกติ ทำให้เป็นโรคเบาหวาน”
ภาพ 1 หนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติมชีววิทยา ของ สสวท. เล่ม 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ที่มา : https://suksapanmall.com/#/product?code=product_QBVM30QV43G5E1
ในเด็กและวัยรุ่นมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมาก ผู้พัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาระชีววิทยา จึงได้ใส่เรื่องของ “ฮอร์โมนกับการรักษาดุลยภาพ” ไว้ประกอบกับในปัจจุบันมีแนวโน้มของการเกิดเบาหวานชนิดที่ 2 ดังภาพที่ 2 ในเด็กและวัยรุ่นมากขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กับโรคอ้วนที่เพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมของเด็กที่มีภาวะโภชนาการเกินจากการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง และเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง ที่สำคัญคือจะพบภาวะแทรกซ้อนในอนาคตมากขึ้นกว่าผู้ใหญ่ (จากข้อมูลในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ในสาระน่ารู้ด้านการแพทย์สาธารณสุข หัวข้อ “โรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น”) ด้วยเหตุดังกล่าว จึงปรากฏเรื่องของ ฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) และ โรคเบาหวานในแบบเรียน

ภาพ 2 วันเบาหวานโลก 2566
ที่มา: สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย
เนื่องจากวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันเบาหวานโลก” (World Diabetes Day) จึงขอเชื่อมโยงบทเรียนในหนังสือเรียนสู่ชีวิตจริง เริ่มต้นมาจากปี ค.ศ. 1922 Sir Frederick Banting ได้ค้นพบ อินซูลิน (Insulin) ร่วมกับ Charles Best จากนั้น สหประชาชาติมีมติให้กำหนดวันที่ 14 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันเกิดของ Sir Frederick Banting เป็น “วันเบาหวานโลก” อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2006 ดังนั้น ทุกประเทศทั่วโลกจะจัดกิจกรรมวันเบาหวานโลกขึ้น รวมทั้งประเทศไทยด้วย ซึ่งมีหลายหน่วยงานจัดงานภายใต้หัวข้อ “เบาหวาน... รู้ว่าเสี่ยง รู้แล้วต้องเปลี่ยน...” ตัวอย่างเช่น
1. สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดงานเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ณ สยามสมาคม แยกอโศก–สุขุมวิท 21 กรุงเทพมหานคร โดยได้มีการเผยแพร่ข้อความเชิญชวนร่วมงาน ดังภาพที่ 3
ภาพ 3 วันเบาหวานโลก 2566
ที่มา : https://www.dmthai.org/new/index.php/activities- and-news/news-pr/2023-10-17-1
2. ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านเบาหวาน ฮอร์โมน และเมตะบอลิซึม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จัดงานเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ณ อาคารรัตนวิทยาพัฒน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร โดยได้มีการเผยแพร่ข้อความเชิญชวนร่วมงาน ดังภาพที่ 4

ภาพ 4 วันเบาหวานโลก 2566
ที่มา : https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/.
เบาหวานเป็นภัยเงียบที่หลายคนไม่รู้ตัว เพราะไม่แสดงอาการออกมามากกว่าจะรู้ตัวก็อาจตาบอด หรือต้องตัดขา เบาหวานไม่ทำให้ตายโดยตรง แต่ส่งผลจากภาวะแทรกซ้อน การเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้อวัยวะเสื่อมสมรรถภาพและทำงานล้มเหลว เป็นเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หัวใจขาดเลือด ตาสูญเสียการมองเห็น ชาปลายมือปลายเท้า ไตวายเรื้อรัง รวมถึงเป็นแผลหายยาก บางรายอาจจำเป็นต้องตัดขา
จากการที่เบาหวานไม่แสดงอาการมาก หากไม่ระวังให้ดี ไม่ว่าจะเป็นหลายอาการหรือเพียงอาการเดียว เช่น น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ปัสสาวะกลางคืนมากกว่า 2 ครั้ง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง กระหายน้ำ หิวน้ำบ่อย กินจุ หิวบ่อย สายตาพร่ามัว มองไม่ชัดเจน ชาปลายมือปลายเท้า เป็นแผลง่าย แผลหายยาก คันตามผิวหนัง จึงมีการพยายามรณรงค์ให้มีการคัดกรองผู้ที่ยังไม่เป็นเบาหวาน โดยอาจใช้การประเมินความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน เพื่อให้รู้และระวังตัวก่อน หรือเฝ้าระวังภาวะก่อนเบาหวาน (Pre-Diabetes)
วันเบาหวานโลกในแต่ละปีจะมีการนำเสนอความก้าวหน้าของ โรคเบาหวาน ทั้งในด้านการตรวจและการรักษา แนวโน้มในปีนี้ แพทย์ที่ทำการวิจัยและให้การรักษาโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่แตกต่างไปจากเดิมในหลายด้าน ก่อนจะกล่าวถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ คงต้องมาทบทวนการรักษาในปัจจุบัน ที่มีการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยการเจาะปลายนิ้ว หรือการเจาะเลือดแล้ว นำไปเข้าห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจค่าระดับน้ำตาลสะสมที่จับบนเม็ดเลือด ประมาณ 3–4 เดือน มีการรักษาโดยการกินยาเม็ดหรือฉีดอินซูลิน ด้วยเข็มบนผิวหนังก่อนหรือหลังอาหาร รวมทั้งการปรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ให้ห่างไกลจากความเสี่ยง
แนวโน้มที่เป็นเทคโนโลยีเพื่อการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน 10 อันดับแรก ในปี พ.ศ. 2566 ได้แก่
1) การตรวจวัดระดับน้ำตาลผ่านทางผิวหนัง 2) การตรวจวัดระดับน้ำตาลที่ไม่ต้องใช้เข็ม 3) อุปกรณ์ฉีดยาอินซูลิน 4) ตับอ่อนเทียม 5) การดูแลรักษาเบาหวานด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 6) การตรวจหาความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน 7) การรักษาเบาหวานระบบทางไกล 8) การใช้ระบบคอมพิวเตอร์อัตโนมัติในการตัดสินใจ 9) การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ 10) การรักษาเบาหวานให้หายขาด
เทคโนโลยีเหล่านี้หลายรายการมีการนำมาใช้ในประเทศไทยแล้ว แต่อาจจะยังมีราคาสูง เช่น การตรวจวัดระดับน้ำตาลผ่านทางผิวหนัง (Transdermal Glucose Monitoring) รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำให้ผู้เป็นเบาหวานสามารถดูแลตนเองได้ดีขึ้น เช่น Continuous Glucose Monitoring (CGM) บางรายการก็มีราคาไม่สูงมากและนำมาใช้แพร่หลายแล้ว เช่น การเก็บค่าระดับน้ำตาลลงบนมือถือโดยไม่ต้องกรอกตัวเลข เพื่อให้แพทย์ได้เห็นข้อมูลโดยไม่ต้องจดหรือพิมพ์
สำหรับ Continuous Glucose Monitoring (CGM) เป็นอุปกรณ์วัดระดับน้ำตาลว่ากำลังขึ้นหรือลง โดยมีค่าแสดงต่อเนื่องตลอดเวลา ช่วยให้สามารถคำนวณขนาดยาอินซูลิน หรือปรับอาหารและพฤติกรรมได้ดีขึ้น รวมไปถึงการป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำตาลต่ำ โดย Continuous Glucose Monitoring (CGM) จะมีตัววัดที่ติดกับผู้เป็นเบาหวานบริเวณหน้าท้องหรือบริเวณต้นแขน ดังภาพที่ 5 โดยจะมีตัวนำที่พาสายเล็กๆ ฝังเข้าไปในชั้นผิวหนังได้ จากนั้นจะถอดออก เหลือเพียงตัวอ่านและตัวส่งสัญญาณ Bluetooth ดังภาพที่ 6 ซึ่งจะส่งข้อมูลไปยังแอปพลิเคชันบนมือถือ ดังภาพที่ 7 และ 8 แพทย์สามารถดูผลรวมจากรายงาน (Report) ในแอปพลิเคชันได้ ดังภาพที่ 9 อย่างไรก็ตามเครื่องนี้ยังมีราคาสูง และติดอยู่บนร่างกายได้ครั้งละไม่เกิน 7 วัน จากนั้นต้องเปลี่ยนใหม่

ภาพ 5 CGM ที่ติดบนหน้าท้อง
ภาพโดย : อุปการ จีระพันธุ
ภาพ 6 CGM ที่กำลังติดตั้งบนหน้าท้อง
ภาพโดย : อุปการ จีระพันธุ

ภาพ 7 Application Guardian CGM ของ Medtronic
ที่มา: https://play.google.com/store/apps/details?id=com.medtronic.diabetes.guardianconnect& hl=en_US

ภาพ 8 CGM ส่งค่าไปยัง Application ในมือถือ
ภาพโดย : อุปการ จีระพันธุ

ภาพ 9 การรายงานผลจากข้อมูลใน Professional CGM
ที่มา : https://cimjournal.com/dia-conference/technology-diabetes-treatment/
สำหรับเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Meter : BGM) หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า เครื่องตรวจน้ำตาล หรือ เครื่องตรวจเบาหวาน เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพื่อความแม่นยำในการวางแผนการรักษา และประเมินความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เครื่องตรวจระดับน้ำตาลจากการเจาะเลือดปลายนิ้วถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1965 ต่อมามีการพัฒนาให้ใช้ได้สะดวกสบาย ราคาถูกลง คุณภาพดีขึ้น มีขนาดเล็กลง หลากหลายแบรนด์ และราคา ตัวอย่างเช่น Accu-Chek รุ่น Instant สามารถส่งค่าต่างๆ ผ่าน Bluetooth ไปยังแอปพลิเคชันบนมือถือ ใส่ค่าอินซูลินที่ฉีด ยาที่กิน รวมทั้งใส่รูปอาหารในแต่ละมื้อ ทำรายงาน ส่งให้แพทย์ได้เลย ดังภาพที่ 10 และภาพที่ 11

ภาพ 10 BGM กับข้อมูลหลังเจาะเลือดบนเครื่อง BGM
ภาพโดย : อุปการ จีระพันธุ

ภาพ 11 ข้อมูลจาก ในApplication
ภาพโดย : อุปการ จีระพันธุ
ในการเฝ้าระวังและรักษาโรค จะมีบรรจุไว้ในหลักสูตรและบทเรียน ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คน ทันโลก ทันยุค ทันสมัย กับการตรวจสอบระดับน้ำตาล การรายงานผล การรับประทานอาหาร หรือการฉีดยา อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการอำนวยความสะดวกให้เราเท่านั้น ทุกอย่างยังต้องขึ้นอยู่กับตัวเรา ที่ต้องปรับพฤติกรรมตนเอง รู้จักมีวินัย ใฝ่หาความรู้ ดูแลรักษาสุขภาพให้มีความสมดุล แข็งแรง ไม่ให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคเบาหวาน หรือเมื่อเป็นแล้วก็สามารถดูแลตนเองได้จนไม่ถึงแก่ชีวิต
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิตยสาร สสวท. ปีที่ 51 ฉบับที่ 245 พฤศจิกายน – ธันวาคม 2566
ผู้อ่านสามารถติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ https://emagazine.ipst.ac.th/245/30/
บรรณานุกรม
Elife อีไลฟ์. (2566). Blood glucose เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด CGM. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2566. จาก https://www.elifegear.com/blood-glucose/.
KCMH Advanced Diabetes Clinic โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์. (2566). Blood glucose เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด CGM. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2566. จาก https://www.facebook.com/profile.php?id=100087673985707&locale=zh_CN.
กรมประชาสัมพันธ์. (2566). 14 พฤศจิกายน วันเบาหวานโลก (World Diabetes Day). สืบค้นเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2566. จาก https://www.prd.go.th/th/content/category/ detail/id/31/iid/228622.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2563). หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม ชีววิทยา เล่ม 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ สกสค.ลาดพร้าว.
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย. (2566). งานมหกรรมสุขภาพ เนื่องในวันเบาหวานโลก ประจำปี 2566. สืบค้นเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2566. จาก https://www.dmthai.org/new/index.php/activities-and-news/news-pr/2023-10-17-1.
รศ.สมพงษ์ สุวรรณวลัยกร. (2566). การบรรยายความรู้ทางวิชาการเรื่องทันโลก ทันยุค ทันสมัย กับโรคเบาหวาน ครั้งที่ 1/2566. ประจำเดือน กรกฎาคม ชมรมเบาหวาน โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์.
ณิชกานต์ หลายชูไทย. (2566). ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการรักษาเบาหวานในปัจจุบัน. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2566. จาก https://cimjournal.com/dia-conference/ technology-diabetes-treatment/.
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย. (2566). งานวันเบาหวานโลก 2566 “เบาหวาน..รู้ว่าเสี่ยง รู้แล้วต้องเปลี่ยน…”. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2566. จาก https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/.
โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย). คู่มือการใช้เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด ACCU-CHEK INSTANT. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2566. จาก https://www.accu-chek.co.th/accu-chek-instant.
