logo IPST4 IPST4
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • หนังสือเรียน
    • Ebook อื่นๆ
  • Apps
  • เกี่ยวกับ scimath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมรหัสผ่าน
  • คำถามที่พบบ่อย
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • หนังสือเรียน
    • Ebook อื่นๆ
  • Apps
  • เกี่ยวกับ scimath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมรหัสผ่าน
  • คำถามที่พบบ่อย
  • learning space
  • ระบบอบรมครู
  • ระบบการสอบออนไลน์
  • ระบบคลังความรู้
  • สสวท.
  • สำนักงานสลากกินแบ่ง
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • E-Books อื่นๆ
  • Apps
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ

  • คำถามที่พบบ่อย
  • สมัครสมาชิก
  • Forgot your password?
ค้นหา
    
ค้นหาบทเรียน
กลุ่มเป้าหมาย
ระดับชั้น
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
การกรองเปลี่ยนแปลง โปรดคลิกที่ส่งเมื่อดำเนินการเสร็จ
เลือกหมวดหมู่
    
  • บทเรียนทั้งหมด
  • ฟิสิกส์
  • เคมี
  • ชีววิทยา
  • คณิตศาสตร์
  • เทคโนโลยี
  • โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
  • วิทยาศาสตร์ทั่วไป
  • สะเต็มศึกษา
  • อื่น ๆ

สารประกอบไอออนิก

โดย :
ศุภาวิตา จรรยา
เมื่อ :
วันพฤหัสบดี, 09 กรกฎาคม 2563
Hits
380435

           สารประกอบไอออนิก ( Ionic Compounds ) หมายถึง สารประกอบที่ประกอบด้วยธาตุโลหะและธาตุอโลหะ ธาตุที่เป็นโลหะเป็นไอออนบวก ส่วนธาตุที่เป็นอโลหะเป็นไอออนลบ ยึดกันด้วยแรงดึงดูดระหว่างประจุไฟฟ้า เรียกว่า พันธะไอออนิก

          พันธะไอออนิก ( Ionic bond )   เป็นแรงยึดเหนี่ยวที่เกิดในสารประกอบที่เกิดขึ้นระหว่าง 2 อะตอมที่มีค่าอิเล็กโตรเนกาติวิตีต่างกันมาก โลหะส่วนใหญ่มีค่าอิเล็กโตรเนกาติวิตีต่ำจึงเสียอิเล็กตรอนให้แก่อะตอมของอโลหะซึ่งมีค่าอิเล็กโตรเนกาติวิตีสูง และทำให้อิเล็กตรอนที่อยู่รอบ ๆ อะตอมครบ 8 ( octat rule ) โลหะกลายเป็นไอออนบวก และอโลหะกลายเป็นไอออนลบตามลำดับ เกิดแรงดึงดูดทางไฟฟ้าระหว่างไอออนบวกและไอออนลบ และเกิดเป็นโมเลกุลขึ้น โดยแรงดึงดูดจะแปรผันโดยตรงกับจำนวนประจุบวกและลบของไอออนทั้งสองที่ยึดติดกัน ดังนั้นค่าประจุยิ่งมาก แรงดึงดูดยิ่งมาก พันธะยิ่งแข็งแรง และแรงดึงดูดจะแปรผกผันกับระยะทางระหว่างไอออนทั้งสอง ไอออนบวกและไอออนลบอยู่ห่างกันมาก แรงดึงดูดจะน้อยลง

9632 1

ภาพที่ 1 แสดงโครงสร้างผลึกของ Nacl (สารประกอบไอออนิกชนิดหนึ่ง)
ที่มา : https://pixabay.com, TPHeinz

หลักการเขียนสูตรสารประกอบไอออนิก

  1. พิจารณาว่าสารประกอบนั้นประกอบด้วยธาตุชนิดใด

  • ธาตุโลหะหมู่ 1-12 มักเป็นไอออนบวก

  • ธาตุอโลหะหมู่ 16-17 มักเป็นไอออนลบ

  • ธาตุในหมู่ 13-15 อาจเป็นไอออนลบหรือไอออนบวกก็ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของสาร

  • ไอออนบวกหรือไอออนลบ อาจเป็น ไอออนของธาตุเดี่ยว เช่น Na+, Br-, Mg2+, Cl- หรือกลุ่มอะตอมก็ได้ เช่น NH4+, NO3-

9632 2

ภาพที่ 2 แสดงธาตุในหมู่และคาบต่าง ๆ
ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ตารางธาตุ

  1. เขียนสัญลักษณ์ของธาตุหรือกลุ่มอะตอมที่เป็นไอออนบวก ตามด้วยสัญลักษณ์ของธาตุหรือกลุ่มอะตอมที่เป็นไอออนลบเสมอ โดยเขียนไอออนบวกและลบติดกัน และไม่ต้องเขียนแสดงประจุของไอออน เช่น KBr, BaCl2, NH4NO3, NaCl

  2. พิจารณาประจุของไอออนบวกและไอออนลบ โดยประจุรวมของสารประกอบต้องเป็น “ศูนย์” โดยห้อยท้ายสัญลักษณ์ของสัดส่วนไอออนบวกและไอออนลบที่ทำให้ประจุรวมเป็นศูนย์ด้วยเลขอาระบิก

          ตัวอย่างเช่น แมกนีเซียมคลอไรด์ ( Magnesium Chloride ) ประกอบด้วยธาตุแมกนีเซียม ( Mg ) และ คลอรีน ( Cl ) ไอออนแมกนีเซียมมีประจุ +2 ไอออนของคลอไรด์มีประจุ -1 และผลรวมของประจุจะต้องเป็นศูนย์ ดังนั้น สัดส่วน แมกนีเซียม : คลอไรด์ คือ 1 : 2  เพราะฉะนั้นสูตรของแมกนีเซียมคลอไรด์ คือ MgCl2

หลักการเรียกชื่อสารประกอบไอออนิก

  1. เรียกชื่อไอออนบวกตามด้วยไอออนลบ

  2. เรียกไออนบวกที่เป็นไอออนของอะตอมเดี่ยวตามชื่อของธาตุนั้น เช่น Ca2+ อ่านว่า แคลเซียม

Na+ อ่านว่า โซเดียม  Al3+ อ่านว่า อลูมิเนียม  H+ อ่านว่า ไฮโดรเจน  Ag+ อ่านว่า ซิลเวอร์ เป็นต้น

  1. ไอออนบวกของโลหะทรานสิชันที่มีเลขออกซิเดชันหลายค่า จะเขียนชื่อธาตุ ตามด้วยเลขออกซิเดชันเป็นเลขโรมันในเครื่องหมายวงเล็บ และให้เรียกชื่อด้วยภาษากรีก ( ถ้ามี ) แล้วลงท้ายไอออนที่มีเลขออกซิเดชันมากด้วย “อิก ( - ic )” และลงท้ายไอออนที่มีเลขออกซิเดชันน้อยด้วย “อัส ( - ous )” เช่น

ตัวอย่างที่ 1          

          Fe มีชื่อภาษากรีก คือ เฟอร์รัม ( Ferrum ) มีเลขออกซิเดชัน 2 ค่า คือ +2 และ +3

          Fe (II) หรือ iron (II)  เรียกว่า เฟอร์รัส ( ferrous )

    ส่วน Fe (III) หรือ iron (III)  เรียกว่า เฟอร์ริก ( ferric )

ตัวอย่างที่ 2   

          Hg  มีเลขออกซิเดชัน 2 ค่า คือ +1 และ +2

          Hg (I) หรือ mercury (I)  เรียกว่า เมอร์คิวรัส ( mercurous )

    ส่วน Hg (II) หรือ mercury (II)  เรียกว่า เมอร์คิวริก ( mercurous )

  1. เรียกไอออนบวกที่มาจากกลุ่มอะตอมหรือโมเลกุลคล้ายชื่อเดิม แต่งท้ายสียงด้วย “เนียม ( - nium )” เช่น NH4+  เรียกว่า แอมโมเนียม      PH4+   เรียกว่า ฟอสโฟเนียม เป็นต้น
  1. ไอออนลบส่วนใหญ่เรียกชื่อโดยเปลี่ยนท้ายชื่อภาษาอังกฤษเป็น “-ไอด์ ( - ide )” หรือบางชนิดเป็น “ –เอต ( - ate )” ตัวอย่างเช่น

               H-   เรียกว่า ไฮไดรด์ / hydride                                 F-   เรียกว่า ฟลูออไรด์ / fluoride

               Cl-   เรียกว่า คลอไรด์ / Chloride                              Br-   เรียกว่า โบรไมด์ / bromide

               I-   เรียกว่า ไอโอไดด์ / iodide                                  P 3-   เรียกว่า ฟอสไฟด์ / phosphide

              SCN- เรียกว่า ไทโอไซยาเนต / thiocyanate             NO3-  เรียกว่า ไนเทรต / nitrate

              NCS- เรียกว่า ไอโซไทโอไซยาเนต / isothiocyanate    NO2-  เรียกว่า ไนไทรต์ / nitrite

ตัวอย่างการเรียกชื่อสารประกอบไอออนิกบางชนิด

               NaCl         โซเดียมคลอไรด์

               BaBr2        แบเรียมโบรไมด์

               KMnO4      โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต

               CaC2O4     แคลเซียมออกซาเลต

               NaHCO3    โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต หรือ โซเดียมไบคาร์บอเนต

              (NH4)2SO4  แอมโมเนียมซัลเฟต

              Co (NO3)3  โคบอลต์ (III) ไนเทรต

              Co (NO3)2  โคบอลต์ (II) ไนเทรต

              Fe2O3       เฟอร์ริกออกไซด์ หรือ เหล็ก (III) ออกไซด์

สมบัติสารประกอบไอออนิก

  1. เมื่อเป็นของแข็งสามารถนำไฟฟ้าได้น้อยมาก แต่การนำไฟฟ้าจะดีขึ้นเมื่อหลอมเหลวหรือเมื่อเป็นสารละลาย เนื่องจากในสถานะของแข็งไอออนต่าง ๆ ซึ่งมีประจุไฟฟ้าจะถูกยึดเหนี่ยวกันอย่างเหนียวแน่น แต่เมื่อนำไปหลอมเหลวหรือนำไปละลายน้ำ โครงผลึกจะหลุดออกเสียสภาพไปทำให้ไอออนสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้ สารประกอบไอออนิกจึงสามารถนำไฟฟ้าได้

  2. มีลักษณะแข็งแต่เปราะ ส่วนใหญ่เป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้อง มีจุดหลอมเหลวสูง (มากกว่า 400 °C) เนื่องจากพันธะไอออนิกเกิดจากแรงยึดเหนี่ยวของประจุไฟฟ้าซึ่งมีความแข็งแรงสูง ยากต่อการทำให้แยกออกจากกัน อีกทั้งยังมีลักษณะการยึดเหนี่ยวที่ต่อเนื่องกันผลึก การที่จะทำให้สารประกอบไอออนิกเปลี่ยนสถานะจึงต้องอาศัยพลังงานจำนวนมากในการทำลายแรงยึดเหนี่ยว ดังนั้นสารประกอบไอออนิกจึงมีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดที่สูงกว่าสารประกอบโคเวเลนต์

  3. สารประกอบไอออนิกส่วนใหญ่ละลายได้ดีในน้ำ ได้แก่ เกลือไนเทรต ของโซเดียม โพแทสเซียม และแอมโมเนียม และเกลือคลอไรด์ ส่วนใหญ่ละลายน้ำได้ดี ยกเว้น AgCl, PbCl2, Hg2Cl2

เกลือของซัลเฟต ส่วนใหญ่ละลายน้ำได้ ยกเว้น BaSO4, PbSO4, CaSO4

  1. สารละลายของสารประกอบไอออนิกแสดงสมบัติความเป็นกรด-เบส ต่างกัน สารละลายของสารประกอบคลอไรด์มีสมบัติเป็นกลาง และสารละลายของสารประกอบออกไซด์มีสมบัติเป็นเบส

 แหล่งที่มา

ณัฐวัฒน์ ธนสารโชคพิบูลย์. สารประกอบไอออนิก. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2561  . จาก www.digitalschool.club/digitalschool/chemical2_2_1/chemical2_1/index2_1.php

  1. De Leon. Formulas for ionic compounds. Retrieved December 12, 2018. from www.iun.edu/~cpanhd/C101webnotes/composition/formioncmpds.html
หัวเรื่อง และคำสำคัญ
พันธะไอออนิก, อิเล็กโตรเนกาติวิตี
ประเภท
Text
รูปแบบการนำเสนอ แบ่งตามผลผลิต สสวท.
สื่อสิ่งพิมพ์ในรูปแบบดิจิทัล
ลิขสิทธิ์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
วันที่เสร็จ
วันเสาร์, 15 ธันวาคม 2561
ผู้แต่ง หรือ เจ้าของผลงาน
ศุภาวิตา จรรยา
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
เคมี
ระดับชั้น
ม.5
ช่วงชั้น
มัธยมศึกษาตอนปลาย
กลุ่มเป้าหมาย
ครู
นักเรียน
บุคคลทั่วไป
  • 9632 สารประกอบไอออนิก /lesson-chemistry/item/9632-2-9632
    เพิ่มในรายการโปรด
  • ให้คะแนน
    Average rating
    • 1
    • 2
    • 3
    • 4
    • 5
    • Share
    • Tweet
    • Share

ค้นหาบทเรียน
กลุ่มเป้าหมาย
ระดับชั้น
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
การกรองเปลี่ยนแปลง โปรดคลิกที่ส่งเมื่อดำเนินการเสร็จ
  • บทเรียนทั้งหมด
  • ฟิสิกส์
  • เคมี
  • ชีววิทยา
  • คณิตศาสตร์
  • เทคโนโลยี
  • โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
  • วิทยาศาสตร์ทั่วไป
  • สะเต็มศึกษา
  • อื่น ๆ
  • เกี่ยวกับ SciMath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
  • คำถามที่พบบ่อย
Scimath คลังความรู้

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่แสวงหากำไร ได้จัดทำเว็บไซต์คลังความรู้ SciMath เพื่อส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีทุกระดับการศึกษา โดยเน้นการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลัก หากท่านพบว่ามีข้อมูลหรือเนื้อหาใด ๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

The Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (IPST), Ministry of Education, a non-profit organization under the Thai government, developed SciMath as a website that provides educational resources in Science, Mathematics and Technology. IPST invites visitors to use its online resources for personal, educational and other non-commercial purpose. If there are any problems, please contact us immediately.

Copyright © 2018 SCIMATH :: คลังความรู้ SciMath. Terms and Conditions. Privacy. , All Rights Reserved. 
อีเมล: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. (ให้บริการในวันและเวลาราชการเท่านั้น)