logo IPST4 IPST4
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • หนังสือเรียน
    • Ebook อื่นๆ
  • Apps
  • เกี่ยวกับ scimath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมรหัสผ่าน
  • คำถามที่พบบ่อย
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • หนังสือเรียน
    • Ebook อื่นๆ
  • Apps
  • เกี่ยวกับ scimath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมรหัสผ่าน
  • คำถามที่พบบ่อย
  • learning space
  • ระบบอบรมครู
  • ระบบการสอบออนไลน์
  • ระบบคลังความรู้
  • สสวท.
  • สำนักงานสลากกินแบ่ง
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • E-Books อื่นๆ
  • Apps
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ

  • คำถามที่พบบ่อย
  • สมัครสมาชิก
  • Forgot your password?
ค้นหา
    
ค้นหาบทเรียน
กลุ่มเป้าหมาย
ระดับชั้น
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
การกรองเปลี่ยนแปลง โปรดคลิกที่ส่งเมื่อดำเนินการเสร็จ
เลือกหมวดหมู่
    
  • บทเรียนทั้งหมด
  • ฟิสิกส์
  • เคมี
  • ชีววิทยา
  • คณิตศาสตร์
  • เทคโนโลยี
  • โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
  • วิทยาศาสตร์ทั่วไป
  • สะเต็มศึกษา
  • อื่น ๆ

การถ่ายทอดทางพันธุกรรม

โดย :
อติโรจน์ ปพัฒน์เปรมสิริ
เมื่อ :
วันพุธ, 17 พฤษภาคม 2560
Hits
49809
  • 1. Introduction
  • 2. ภาพรวมการเเบ่งเซลล์เเบบยูคาริโอตและโปรคาริโอต
  • 3. โครมาติน โครโมโซม และ โครมาทิด (Chromatin Vs Chromosome Vs Chromatid)
  • 4. โครงสร้างโครโมโซม (Chromosome Structure), ลักษณะโครโมโซม
  • 5. ชุดโครโมโซม
  • 6. เทคนิคการนับชุดโครโมโซมและจำนวนโครโมโซม
  • 7. ชนิดโครโมโซม และ ชนิดเซลล์ รวมทั้งข้อสอบที่เจอบ่อย
  • 8. แอลลีล (Allele)
  • 9. การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
  • 10. ประโยชน์ของความรู้ทางด้านพันธุศาสตร์
  • 11. การผ่าเหล่า (Mutation)
  • - All pages -

เซลล์อมตะของเอนเรียตต้า ต้นกำเนิดการเพาะเลี้ยงเซลล์ของโลก

มนุษย์ทุกคนมีต้นกำเนิดมาจากเซลล์ไข่ที่ผ่านการปฏิสนธิด้วยกันทั้งสิ้น หลังจากที่เซลล์ไข่ถูกปฏิสนธิแล้วจะมีการแบ่งเซลล์หลายครั้งอย่างต่อเนื่องร่วมกับกระบวนการเจริญและพัฒนาของตัวออ่นจนได้เซลล์จำนวนมากมายกว่าล้านๆเซลล์ในขณะคลอด ในร่างกายของมนุษย์ผู้ใหญ่มีเซลล์เป็นจำนวนพันล้านเซลล์และกระบวนการแบ่งเซลล์ยังคงดำเนินอยู่ตลอดเวลา เพื่อทดแทนเซลล์เดิมที่เสียหายหรือหลุดลอกไป

ในปี ค.ศ.1951 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอพกินส์ (Johns Hopkins University) คือ George and Margaret Gey ได้พยายามพัฒนาวิธีการเพาะเลี้ยงและชักนำให้เซลล์มนุษย์เกิดการแบ่งเซลล์นอกร่างกาย ซึ่งเซลล์ที่ถูกชักนำให้เกิดการแบ่งตัวแบบเรื่อยๆ นี้ จะช่วยให้นักวิจัยสามารถทำการศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพื้นฐานของชีวิตได้ดียิ่งขั้น รวมทั้งจะทำให้เข้าใจถึงกลไกการเกิดโรคมะเร็งและโรคต่างๆ ได้อีกด้วย การศึกษากลไกของโรคมะเร็งภายในเซลล์ที่เจริญนอกร่างกายเป็นวิธีการที่สะดวกและปลอดภัยกว่าการทดลองหรือศึกษาโดยตรงจากผู้ป่วย

Mary Kubisac ผู้ช่วยวิจัยได้พยายามอย่างยิ่งที่จะชักนำให้เซลล์มะเร็งที่เธอได้เพาะเลี้ยงเหล่านี้แบ่งตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงล้มเหลว เธอเกือบที่จะล้มเลิกความพยายามจนกระทั้งในการทดลองสุดท้ายเธอได้เตรียมตัวอย่างเซลล์และตั้งชื่อว่า Hela cells

รูปเเสดงเซลล์ฮีล่า (Hela cells)

ซึ่งชื่อเซลล์กลุ่มนี้มาจากการรวมพยัญชนะ 2 ตัวแรกของชื่อและนามสกุลผู้ป่วยคือ Henrietta Lacks เซลล์ฮีลาเริ่มทำการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในอาหารเพาะเลี้ยงหลังจากผ่านไป 4 วัน นักวิจัยได้แยกเซลล์เหล่านี้ไปเลี้ยงในอาหารใหม่ พบว่าเซลล์มีการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ทุกๆ 24 ชั่วโมง จนเต็มพื้นผิวของอาหารภายในไม่กี่วัน

น่าเสียดายที่เซลล์มะเร็งเหล่านี้ได้แบ่งตัวเพิ่มมากขึ้นในตัวผู้ป่วยเองเช่นกัน หลังจาก 6 เดือนที่ Henrietta ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เซลล์ร้ายเหล่านี้ก็ลุกลามไปยังเนื้อเยื่อทั่วร่างกายและเธอก็เสียชีวิตในอีก 2 เดือนต่อมา อย่างไรก็ตามเซลล์ของ Henrietta ได้เจริญและเพิ่มจำนวนมากมายในห้องปฏิบัติการ ปัจจุบันเซลล์ฮีล่าได้ถูกส่งไปทั่วโลกเพื่อใช้ค้นคว้าวิจัย ส่วน George and Margaret Gey ได้ใช้เซลล์ฮีล่า ในการจำแนกสายพันธุ์ไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคโปลิโอซึ่งเป็นโรคที่เป็นปัญหาสำคัญมากในเวลานั้น และได้พัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อขึ้นเพื่อใช้ในการผลิตวัคซีน ส่วนนักวิทยาศาสตร์ท่านอื่นๆ ได้ใช้เซลล์ฮีล่าในการศึกษาหลายด้าน เช่น ศึกษากลไกลของโรคมะเร็ง การเจริญเติบโตของไวรัส ผลของรังสีที่ต่อเซลล์ การสังเคราะห์โปรตีนต่างๆ เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น เซลล์ฮีล่าบางเซลล์ยังได้ถูกส่งออกไปนอกโลกกับดาวเทียมดิสคอฟเวอรี่ 17 เพื่อใช้ในการทดลอง งานวิจัยสำคัญหลายร้อยงานงานวิจัยสำคัญหลายร้อยงานสามารถดำเนินขึ้นไดเพราะเซลล์อมตะของ Henrietta นี่เอง

Henrietta เสียชีวิตขณะที่มีอายุเพียง 31 ปี เนื่องจากเซลล์มะเร็งที่แบ่งตัวอย่างรวดเร็วในเซลล์ร่างกายของเธอ แต่หลายสิบปีถัดมามรดกเซลล์ของเธอก็ยังคงดำเนินการแบ่งตัวเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ในทุกแห่งทั่วโลก

จากคำถาม 3 คำถามด้านล่างนี้ ช่วยให้เราทำความเข้าใจในเรื่องการแบ่งเซลล์และการที่สิ่งมีชีวิตรับลักษณะต่างๆจาก พ่อ-แม่ ได้แก่

  1. ข้อมูลใดที่เป็นตัวกำหนดลักษณะทางพันธุกรรม
  2. ข้อมูลพันธุกรรมถูกจำลองขึ้นในเซลล์พ่อแม่ก่อนการแบ่งไปสู่เซลล์ลูกได้อย่างไร
  3. กลไกใดที่จัดแบ่งข้อมูลให้แก่เซลล์ลูกอย่างเท่าๆกัน

Return to contents


Return to contents


Return to contents


Return to contents


Return to contents


Return to contents


Return to contents

แอลลีล (allele)คือแบบต่างๆของยีนที่ควบคุมลักษณะทางพันธุกรรมหนึ่ง

เช่น หมู่เลือดมีอัลลีลทั้งหมด 3 แบบ ได้เเก่ Ia, Ib, i

เเต่อัลลัลเหล่านี้จะสามารถเข้าคู่กันเพื่อควบตุมให้เกิดฟีโนไทป์ต่างๆได้เเค่ 2 เเบบ เท่านั้น

เช่น คนมีหมู่เลือด A จะมีฟีโนไทป์ IaIa หรือ Iai เป็นต้น

เราจะเรียก อัลลีลที่เข้าคู่กันได้ในการควบคุมลักษณะพันธุกรรมหนึ่งว่ายีนที่เป็นแอลลีลกัน (allelic gene)

หากรูปแแบบของยีนที่ควบคุมลักษณะหนึ่งๆมีได้หลายเเบบ จะเรียกว่า multiple allele

เเต่ใดยทั่วไปที่เรามักศึกษาจาก mendel มักจะมีรูปแแบบของยันหรือ อัลลีลเเค่ 2 แบบ เช่นความสุงของถั่วจะมี อัลลีลควบคุมความสุงมี 2 แบบ คือ อัลลีล T และ t ซึ่งเมื่อเข้าคู่กันเพื่อควบคุมลักษณะหนึ่ง ก็จะมีได้ 3 แบบ คือ TT Tt tt


Return to contents

การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม

พันธุกรรม หมายถึง—ลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกหลาน ซึ่งเป็นลักษณะที่ถูกควบคุมด้วยหน่วยพันธุกรรมหรือยีน (gene)

ลักษณะทางพันธุกรรม

—สิ่งมีชีวิตจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไปจากชนิดอื่น โดยสังเกตจากลักษณะภายนอกอย่างคร่าว ๆ —จากการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ของนักวิทยาศาสตร์พบว่า สิ่งมีชีวิตเมื่อมีการสืบพันธุ์จะมีการถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ จากบรรพบุรุษไปสู่ลูกหลานโดยอาศัยเซลล์สืบพันธุ์ เรียกว่า พันธุกรรม —การศึกษาพันธุกรรมและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยหลักเกณฑ์ของการถ่ายทอดลักษณะของสิ่งมีชีวิต เรียกว่าพันธุศาสตร์

—การถ่ายทอดลักษณะต่าง ๆ จากพ่อและแม่ทำให้สิ่งมีชีวิตเกิดความแตกต่างกัน เช่น ตาชั้นเดียวเหมือนแม่ ผิวคล้ำเหมือนพ่อ เรียกว่า ลักษณะทางพันธุกรรม

กระบวนการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม

— คนโบราณเชื่อว่า ลักษณะทางพันธุกรรมถ่ายทอดต่อไปให้ลูกหลานได้ทางสายเลือด —แต่ปัจจุบันนักวิทาศาสตร์พบว่า ลักษณะต่าง ๆ ที่ปรากฏในลูกเป็นผลสืบเนื่องมาจากการถ่ายทอดจีนจากพ่อและแม่โดยผ่านทางเซลล์สืบพันธุ์ คือ อสุจิ (sperm) และไข่ (ovum)

ความสัมพันธ์ระหว่างโครโมโซม ยีน และDNA

—เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานที่สำคัญของสิ่งมีชีวิต เซลล์ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ เยื่อหุ้มเซลล์ นิวเคลียส และไซโทรพลาสซึม —ภายในนิวเคลียสมีลักษณะรูปทรงกลมหรือรูปไข่ ถ้าใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูในขณะที่เซลล์กำลังจะแบ่งตัว ภายในมีโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นเส้นใยเล็ก ๆ ขดพันกันอยู่เหมือนลวดสปริงเต็มไปหมด โครงสร้างนี้เรียกว่า โครมาทิน —เมื่อมีการแบ่งเซลล์ ปริมาณของ DNA จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เส้นโครมาทินจะขดแน่นมากขึ้น และหดสั้นเข้าจนมีลักษณะเป็นแท่ง ๆ เรียกว่า โครโมโซม

บนโครโมโซมมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ ยีน โดยจะอยู่กันเป็นคู่ ๆ บนโครโมโซมซึ่งอยู่

ภายในนิวเคลียสของเซลล์แต่ละเซลล์ —ภายในยีนมีสารเคมีชนิดหนึ่ง คือ DNA หรือ

สารพันธุกรรม ทำหน้าที่กำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในเซลล์ โดยควบคุมการสังเคราะห์โปรตีนชนิดต่าง ๆ

เช่น เอนไซมฮีโมโกบินในเม็ดเลือดแดง ฮอร์โมนบางชนิด


Return to contents

— ปัจจุบันได้มีวิทยาการทางพันธุศาสตร์สมัยใหม่ที่เรียกว่า พันธุวิศวกรรม ซึ่งเป็นกระบวนการทางชีววิทยาที่เกี่ยวกับการตัดต่อจีน หรือ DNA เพื่อเกิดลักษณะใหม่ ๆ ตามที่ต้องการ

ด้านการเกษตร

— โดยการนำมาใช้ในการคัดเลือกพันธุ์พืชและสัตว์ที่มีลักษณะดี เพื่อเพิ่มผลผลิตให้กับกระบวนการผลิตของตน —เช่น การผสมและคัดเลือกข้าว การผสมและคัดเลือกโคพันธุ์เนื้อ

—ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้ในการขยายพันธุ์และปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์มีมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิตพืชและสัตว์ให้เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยการพัฒนาวิธีการเพื่อลดความยุ่งยากลงโดยใช้วิธีที่เรียกว่า พันธุวิศวกรรม หรือ การสร้าง DNA สายผสม —พันธุวิศวกรรม หมายถึง กระบวนการทางชีววิทยาที่เกี่ยวข้องกับการตัดต่อจีนจากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเข้ากับจีนของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง เพื่อให้ได้จีนที่ต้องการ และขยายจีนให้มีปริมาณมากพอที่จะนำไปทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดีขึ้น และได้ปริมาณการผลิตสูงขึ้นตามต้องการ

—ส่วนวิธีการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ในปัจจุบัน ได้แก่ การโคลน —การโคลน หมายถึง การสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่โดยการนำเอาตัวกำหนดลักษณะทางพันธุกรรม (DNA) ในเซลล์จากสิ่งมีชีวิตต้นแบบมากระตุ้นให้เจริญพันธุ์เพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ขึ้นมา สิ่งมีชีวิตใหม่จะมีลักษณะเหมือนเดิมทุกประการ —เช่น แกะ ดอลลี่ เมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ เป็นผลงานของ เอียน วิลมุต นักชีววิทยาแห่งสถาบันชีววิทยารอสลินและคณะ

ด้านอุตสาหกรรม

— เกี่ยวกับการ ผลิตเบียร์ หรือการผลิตยา ซึ่งต้องอาศัยจุลินทรีย์บางชนิดในการผลิต เช่น ยาปฎิชีวนะ วิตามิน

ด้านการแพทย์

— ในปัจจุบันทางการแพทย์ได้นำวิธีการทางพันธุ์วิศวกรรมมาใช้ในการผลิตฮอร์โมนที่สำคัญ จากแหล่งธรรมชาติ เช่น อินซูลิน รักษาโรคเบาหวาน เป็นต้น

ด้านกฎหมาย

— ใช้ในการพิสูจน์หาหลักฐานเกี่ยวกับคดีอาชญากรรม โดยการวิเคราะห์โมเลกุลของ DNA เพื่อเก็บข้อมูลทางด้านพันธุกรรมในกรณีคดีนั้น ๆ มีผู้ต้องสงสัยหลายคน หรือไม่ทราบว่าผู้ตายคือใคร


Return to contents

การผ่าเหล่า (Mutation)

DNA เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่น เบสเปลี่ยนจากชนิดเดิมเป็นเบสชนิดอื่น, nucleotide ขาดหายไป, nucleotide มีจำนวนเพิ่มขึ้น หรือลำดับของ nucleotide เปลี่ยนไป เป็นต้น

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นมิวเทชันเฉพาะที่ (point mutation) ส่งผลให้รหัสพันธุกรรมเปลี่ยนไปจากเดิมลำดับและชนิดของกรดอะมิโนหลังจากตำแหน่งนี้เปลี่ยนไปด้วยสมบัติของโปรตีนหรือ polypeptide ที่สังเคราะห์ขึ้นแตกต่างไปจากเดิม

ระดับการเกิดมิวเทชันแบ่งเป็น 2 แบบ คือ

1.ยีนมิวเทชัน (gene mutation หรือ point mutation)

2.มิวเทชันระดับโครโมโซม (chromosomal mutation)

Gene mutationแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1.การแทนที่คู่เบส (base-pair substitution mutation)

2.การเพิ่มขึ้นของ nucleotide (insertion) หรือการขาดหายไปของ nucleotide (deletion)

การแทนที่คู่เบส (base-pair mutation)

เกิดจากมีเบสใดเบสหนึ่งใน DNA ปกติ ถูกแทนที่โดยเบสอีกชนิดหนึ่ง จึงทำให้ลำดับการเรียงตัวของเบสใน DNA เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีลำดับการเรียงตัวของเบสใน codon เปลี่ยนแปลงไป โปรตีนที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นจะเปลี่ยนแปลงไป

แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

- transition

- transversion

ผลของการเกิดมิวเทชัน

1.ได้โปรตีนที่ผิดไปจากเดิม

2.ได้โปรตีนที่เหมือนเดิม

3. เกิดโปรตีนที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากเปลี่ยนไปมาได้

การเพิ่มขึ้นของ nucleotide (insertion)หรือการขาดหายไปของ nucleotide (deletion)

การเกิด mutation แบบนี้เรียกว่า Frameshift mutation (การเคลื่อนของรหัสพันธุกรรม)

มีผลทำให้ลำดับ nucleotide ที่อยู่ในโมเลกุล DNA เกิดการเคลื่อนตัวไปหรือมีรหัสพันธุกรรมเปลี่ยน ส่งผลกระทบต่อการสังเคราะห์สาย polypeptide

DNA : AAC GAA GCG TGA

mRNA : UUG CUU CGC ACU

Leu – Leu – Arg – Thr

ถ้า A ตัวแรกหายไป (deletion) จะได้

DNA : ACG AAG CGT GA

mRNA : UGC UUC GCA CU

Cys – Phe – Ala –

Mutagen

สิ่งที่สามารถกระตุ้นหรือชักนำให้เกิดมิวเทชัน

1.Chemical mutagen

2.Physical mutagen

3.Biological mutagen

Mutagen หลายชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง (carcinogen)

มิวเทชันระดับโครโมโซม (chromosomal mutation)สิ่งมีชีวิตมีความผิดปกติมักแสดงอาการมากกว่า 1 อาการ จึงเรียกว่า ความผิดปกติที่เกิดจากการมิวเทชันระดับโครโมโซมว่า กลุ่มอาการ (syndrome)

การมิวเทชันแบบนี้สามารถเห็นได้จากลักษณะฟีโนไทป์แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ

1.การเปลี่ยนแปลงรูปร่างโครงสร้างภายในของโครโมโซม

แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ

1.1 การขาดหายไปของชิ้นส่วนโครโมโซม (deletion หรือ deficiency)มีส่วนใดส่วนหนึ่งของโครโมโซมขาดหายไป ทำให้ยีนขาดหายไปด้วย ชนิดของยีนและจำนวนยีนที่ขาดหายไป ทำให้สิ่งมีชีวิตต่างกัน

1.2 การเพิ่มขึ้นของชิ้นส่วนโครโมโซม (addition หรือ duplication)มีชิ้นส่วนโครโมโซมเพิ่มเข้ามามีผลต่อสิ่งมีชีวิตรุนแรงน้อยกว่าพวกที่มีโครโมโซมขาดหายไป

1.3 การขาดแล้วต่อกลับชิ้นส่วนโครโมโซม (inversion)ชิ้นส่วที่หักมาต่อกับชิ้นส่วนเดิมแบบกลับหัวท้าย ทำให้ลำดับยีนเปลี่ยนไป

1.4 การเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนของโครโมโซม (translocation)ชิ้นส่วนหักแล้วไปต่อแทรกภายในโครโมโซมแท่งเดียวกัน หรือไปต่อกับโครโมโซมแท่งอื่น


Return to contents
Previous Page 1 / 11 Next Page
หัวเรื่อง และคำสำคัญ
ถ่าย,ทอด,พันธุกรรม
ประเภท
Text
ประเภท แบ่งตามผลผลิต สสวท.
สื่อประกอบการเรียนรู้
รูปแบบการนำเสนอ แบ่งตามผลผลิต สสวท.
สื่อสิ่งพิมพ์ในรูปแบบดิจิทัล
ลิขสิทธิ์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
วันที่เสร็จ
วันพุธ, 17 พฤษภาคม 2560
ผู้แต่ง หรือ เจ้าของผลงาน
อติโรจน์ ปพัฒน์เปรมสิริ
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
ชีววิทยา
ระดับชั้น
ม.4
ม.5
ม.6
ช่วงชั้น
มัธยมศึกษาตอนปลาย
กลุ่มเป้าหมาย
ครู
นักเรียน
  • 6997 การถ่ายทอดทางพันธุกรรม /lesson-biology/item/6997-2017-05-17-13-58-37
    เพิ่มในรายการโปรด
  • ให้คะแนน
    Average rating
    • 1
    • 2
    • 3
    • 4
    • 5
    • Share
    • Tweet
    • Share

ค้นหาบทเรียน
กลุ่มเป้าหมาย
ระดับชั้น
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
การกรองเปลี่ยนแปลง โปรดคลิกที่ส่งเมื่อดำเนินการเสร็จ
  • บทเรียนทั้งหมด
  • ฟิสิกส์
  • เคมี
  • ชีววิทยา
  • คณิตศาสตร์
  • เทคโนโลยี
  • โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
  • วิทยาศาสตร์ทั่วไป
  • สะเต็มศึกษา
  • อื่น ๆ
  • เกี่ยวกับ SciMath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
  • คำถามที่พบบ่อย
Scimath คลังความรู้

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่แสวงหากำไร ได้จัดทำเว็บไซต์คลังความรู้ SciMath เพื่อส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีทุกระดับการศึกษา โดยเน้นการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลัก หากท่านพบว่ามีข้อมูลหรือเนื้อหาใด ๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

The Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (IPST), Ministry of Education, a non-profit organization under the Thai government, developed SciMath as a website that provides educational resources in Science, Mathematics and Technology. IPST invites visitors to use its online resources for personal, educational and other non-commercial purpose. If there are any problems, please contact us immediately.

Copyright © 2018 SCIMATH :: คลังความรู้ SciMath. Terms and Conditions. Privacy. , All Rights Reserved. 
อีเมล: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. (ให้บริการในวันและเวลาราชการเท่านั้น)