logo IPST4 IPST4
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • หนังสือเรียน
    • Ebook อื่นๆ
  • Apps
  • เกี่ยวกับ scimath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
  • ลืมรหัสผ่าน
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • หนังสือเรียน
    • Ebook อื่นๆ
  • Apps
  • เกี่ยวกับ scimath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
  • ลืมรหัสผ่าน
  • learning space
  • ระบบอบรมครู
  • ระบบการสอบออนไลน์
  • ระบบคลังความรู้
  • สสวท.
  • สำนักงานสลากกินแบ่ง
  • วีดิทัศน์
  • คลังภาพ
  • บทความ
  • โครงงาน
  • บทเรียน
  • แผนการสอน
  • E-Books
    • คู่มือครู
    • คู่มือการใช้หลักสูตร
    • ชุดสื่อ 60 พรรษา
    • E-Books อื่นๆ
  • Apps
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
ลงชื่อเข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
  • ลืมรหัสผ่าน
ค้นหา
    
ค้นหาบทความ
กลุ่มเป้าหมาย
ระดับชั้น
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
การกรองเปลี่ยนแปลง โปรดคลิกที่ส่งเมื่อดำเนินการเสร็จ
เลือกหมวดหมู่
    
  • บทความทั้งหมด
  • ฟิสิกส์
  • เคมี
  • ชีววิทยา
  • คณิตศาสตร์
  • เทคโนโลยี
  • โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
  • วิทยาศาสตร์ทั่วไป
  • สะเต็มศึกษา
  • อื่น ๆ

ได้ยินหรือไม่ได้ยิน ทดสอบกันอย่างไร

โดย :
ณัฐดนัย เนียมทอง
เมื่อ :
วันพฤหัสบดี, 19 กรกฎาคม 2561
Hits
36677

      หู อวัยวะสำคัญสำหรับการได้ยิน 1 ใน 5 อวัยวะประสาทสัมผัสของมนุษย์เรา วันนี้มีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับอาการผิดปกติของอวัยวะสำคัญนี้มาให้ได้อ่านกัน ซึ่งเป็นภาวะหนึ่งที่น่าสนใจและควรศึกษาเป็นความรู้ไว้เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันเอาไว้ล่วงหน้า นั้นคือภาวะการสูญเสียการได้ยิน

      การสูญเสียการได้ยินเป็นภาวะบกพร่องในการรับฟังเสียงที่ผิดปกติจากเดิมตามมาตรฐานของการได้ยินในคนปกติ ซึ่งภาวะการได้ยินนี้จะมีความแตกต่างกันไปตามช่วงอายุและความรุนแรงจากสาเหตุที่ทำให้สูญเสียการได้ยิน โดยการสูญเสียการได้ยินส่วนใหญ่เกิดจากความบกพร่องของอวัยวะภายในชั้นหูดังนี้

  1. ความผิดปกติจากหูชั้นนอกและชั้นกลางซึ่งเรียกว่าการนำเสียงบกพร่อง (conductive hearing loss) เกิดจากโรคหรือพยาธิสภาพ
  2. ความผิดปกติจากหูชั้นในหรือประสาทรับฟังเสียงบกพร่อง (sensorineural hearing loss) คือได้ยินแต่ฟังไม่รู้เรื่อง
  3. ความผิดปกติบกพร่องแบบผสม (mixed hearing loss) เป็นภาวะที่การนำเสียงบกพร่องร่วมกับประสาทรับฟังบกพร่อง
  4. ความผิดปกติการรับฟังเสียงบกพร่องจากสมองส่วนกลาง ได้ยินเสียงแต่ไม่สามารถแปลความหมายของสัญญาณเสียงนั้น ๆได้
  5. ความผิดปกติการรับฟังเสียงบกพร่องจากสภาวะทางจิตใจ

       7862 1
ภาพที่ 1 การตรวจการได้ยิน
ที่มา https://pixabay.com/th/ , williamsje1

       โดยทั่วไปผลกระทบของเสียงดังที่ก่อให้เกิดการสูญเสียการได้ยินสามารถแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ

        1. การสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราว เกิดจากการรับฟังเสียงที่สม่ำเสมอเกินกว่า 75 dBA (decibel hearing level) ขึ้นไป ทำให้สูญเสียการได้ยินเพียงเล็กน้อยคือ อาการหูหนวก หรือหูอื้อชั่วคราว

        2. การสูญเสียการได้ยินแบบถาวร เกิดจากการได้ยินเสียงดังเป็นระยะเวลานานเป็นปี ๆ

การทดสอบการได้ยิน

        เมื่อผู้ป่วยมีภาวการณ์สูญเสียการได้ยิน จะมีแนวทางการทดสอบการได้ยินเพื่อช่วยในการวินิจฉัยความผิดปกติของระบบการได้ยิน ซึ่งเป็นการตรวจการทำงานของหู และระบบโสตประสาทเพื่อหาระดับการได้ยิน โดยปกติจะทำการทดสอบหาระดับการได้ยินผ่านสองทาง คือ การนำเสียงผ่านอากาศจากการครอบหูฟัง และการนำเสียงผ่านกระดูก ทดสอบโดยการวางตัวปล่อยเสียงที่กระดูกกกหู จากนั้นจะปล่อยเสียงความถี่เดียว ที่ระดับความดังต่าง ๆ แล้วลดระดับลงเรื่อย ๆ จนถึงระดับความดังที่เบาที่สุดที่ผู้ถูกทดสอบได้ยิน

ซึ่งการตรวจการได้ยินมีหลายรูปแบบ สามารถจำแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ

  1. การตรวจการได้ยินด้วยส้อมเสียง (tuning fork)

ส้อมเสียง (tuning fork) เป็นการตรวจด้วยเสียงความถี่เดียว ความดังอยู่ที่ 512 เฮิรตซ์ (hertz,Hz = รอบต่อวินาที) เครื่องมือที่ทำจากเหล็กหรืออะลูมิเนียม มีลักษณะเป็นสองขามีด้ามจับ เป็นการตรวจแบบคัดกรองผู้ป่วย ผู้ตรวจจะเคาะส้อมเสียงกับบริเวณแข็งและยืดหยุ่นได้ เช่นข้อศอกหรือหัวเข่าเพื่อให้ส้อมเสียงสั่นสะเทือน

        โดยปกติมี 2 วิธี

        วิธีที่ 1 การทดสอบวีเบอร์ (Weber test) ใช้กับการตรวจสำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินแบบการนำเสียงบกพร่อง กับผู้ที่มีปัญหาการได้ยินแบบประสาทรับเสียงบกพร่อง ตำแหน่งที่ใช้ทดสอบคือกลางหน้าผาก กลางกระหม่อม คาง หรือฟันหน้า ผู้ถูกตรวจจะสังเกตการได้ยินเสียงของหูข้างไหนดังกว่ากัน ผลการสอบของผู้ที่มีภาวะการได้ยินปกติจะแจ้งว่าได้ยินเท่ากันทั้งสองข้าง แต่ถ้ามีภาวะนำเสียงบกพร่องจะแจ้งว่าได้ยินเสียงดังไปยังหูข้างที่มีการนำเสียงบกพร่อง

        วิธีที่ 2 การทดสอบรินเน (Rinne test) เป็นการตรวจโดยให้ฟังเสียง เพื่อเปรียบเทียบการได้ยินเสียงผ่านทางอากาศ (air conduction) และการได้ยินผ่านทางกระดูก (bone conduction) ในหูเดียวกัน ผู้ที่มีการได้ยินปกติ จะแจ้งว่าได้ยินเสียงที่หน้าช่องหูดังกว่าเรียกว่าการทดสอบรินเนให้ผลบวก (positive Rinne test) ผู้ที่มีปัญหาการได้ยินชนิดการนำเสียงบกพร่อง จะแจ้งว่าได้ยินเสียงที่กระดูกมาสตอยด์ดังกว่าเรียกว่า การทดสอบรินเนให้ผลลบ (negative Rinne test) และผู้ที่มีปัญหาการได้ยินแบบประสาทรับเสียงบกพร่อง จะแจ้งว่าได้ยินเสียงที่หน้าช่องหูดังกว่าเรียกว่า การทดสอบรินเนให้ผลบวก (positive Rinne test)

  1. การตรวจการได้ยินโดยใช้เสียงบริสุทธิ์ (pure tone audiometry)

        การตรวจการได้ยินโดยใช้เสียงบริสุทธิ์ เป็นการตรวจการได้ยินโดยใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า เครื่องตรวจการได้ยิน (audiometer) เพื่อวัดระดับการได้ยิน หาตำแหน่งพยาธิสภาพต้นเหตุปัญหาในการได้ยิน แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ

         วิธีที่ 1 การตรวจการได้ยินทางอากาศ (air conduction)   เป็นการตรวจโดยใช้ที่ครอบหู (earphones) ครอบหูทั้ง 2 ข้าง เสียงจะเดินทางผ่านจากที่ครอบหูไปยังหูชั้นนอก หูชั้นกลางและหูชั้นใน โดยใช้ช่วงความถี่ที่ตรวจตั้งแต่ 250, 500, 1,000, 2,000, 4,000 และ 8,000 เฮิรตซ์ ระดับความดังที่ใช้เริ่มตั้งแต่ -10 dBHL (decibel hearing level) จนถึง 120 dBHL (decibel hearing level) ในช่วงความถี่ 500 - 4,000 เฮิรตซ์ ผลการตรวจการได้ยิน (audiogram) คือ ภาพกราฟที่แสดงความสามารถในการได้ยินและระดับการสูญเสียการได้ยินของบุคคลในหูแต่ละข้าง แนวด้านบนของกราฟจะมีตัวเลขเรียงกันตั้งแต่ 125 ถึง 8,000 ตัวเลขเหล่านี้แสดงความถี่ของเสียงหรือระดับเสียงที่แตกต่างกันออกไป

         วิธีที่ 2 การตรวจการได้ยินทางกระดูก (bone conduction test)   เป็นการตรวจโดยวางเครื่องสั่นกระดูก (bone vibrator) ไว้ที่บริเวณกระดูกมาสตอยด์ของหูข้างที่จะตรวจเสียงจะเดินทางผ่าน กระดูกมาสตอยด์ไปยังหูชั้นใน ช่วงความถี่ที่ตรวจคือ 500 - 4,000 เฮิรตซ์และ ระดับความดังที่ใช้เริ่มตั้งแต่ -10 dBHL (decibel hearing level) จนถึง 70 dBHL (decibel hearing level)

         ขั้นตอนการตรวจเพื่อทดสอบการได้ยิน โดยให้ผู้ตรวจตอบสนองโดยการกดปุ่มเมื่อได้ยินเสียงถึงแม้ว่าจะได้ยินเสียงเบามาก ๆ ก็จะต้องกด ซึ่งเป็นการตรวจหาระดับการได้ยินในระดับต่ำสุด (determination of threshold) ในหูทั้งสองด้าน โดยการตรวจการได้ยินทางอากาศ (air conduction test :AC) และตรวจการได้ยินทางกระดูก (bone conduction test :BC) ตามลำดับ โดยต้องสรุปเป็นข้อมูลการทดสอบ 3 สิ่งต่อไปนี้

  1. การสูญเสียการได้ยินจากการตรวจการได้ยินทางอากาศ (air conduction test :AC)
  2. การสูญเสียการได้ยินจากการตรวจการได้ยินทางกระดูก (bone conduction test :BC)
  3. ความสัมพันธ์ระหว่างระดับต่ำสุดที่ได้ยินของการตรวจการได้ยินทางอากาศ (air conduction :AC) และ การตรวจการได้ยินทางกระดูก (bone conduction test :BC)

ซึ่งจะมีการบันทึกผลดังภาพ

 7862 2
ภาพตัวอย่างบันทึกผลการได้ยิน
ที่มา คมสรรค์ เพชรคอน

การบันทึกผลการตรวจการได้ยินจะใช้เครื่องหมายและสัญลักษณ์บันทึกลงในแบบบันทึก (audiogram) ดังตาราง แต่ทั้งนี้ผู้ที่จะวินิจฉัยค่าของตารางนี้ก็คือแพทย์ผู้ทำการรักษาผู้ป่วยนั้นเอง

7862 3

        จากผลการทดสอบเราจะเทียบกับความบกพร่องของอวัยวะภายในชั้นหูตามที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งอาจสรุปได้ดังนี้

  1. การได้ยินปกติ (normal hearing)

                ค่าเฉลี่ย (AC) ที่ 500-2,000 เฮิรตซ์ ไม่เกิน 25 dBHL

               ระดับการได้ยินในแต่ละความถี่ตั้งแต่ 250- 8,000 เฮิรตซ์ไม่เกิน 25 dBHL (decibel hearing level)

                (AC) และ (BC) ในแต่ละความถี่ใกล้เคียงกัน แต่ถ้า (BC) ดีกว่า(AC) ต้องมีค่าความแตกต่าง (air bone gap: AB gap) ไม่เกิน 10 dBHL (decibel hearing level)

  1. การนำเสียงบกพร่อง (conductive hearing loss)

               ค่าเฉลี่ย (AC) ที่ 500 - 2,000 เฮิรตซ์ มากกว่า 25 dBHLแต่ไม่เกิน 60 dBHL (decibel hearing level)

               ระดับการได้ยินในแต่ละความถี่ตั้งแต่ 250 - 8,000 เฮิรตซ์ไม่เกิน 25 dBHL (decibel hearing level)

               ค่าความแตกต่าง (air bone gap: AB gap) อย่างน้อย 15 dBHL ใน 2 ความถี่ขึ้นไป

  1. ประสาทรับฟังเสียงบกพร่อง (sensorineural hearing loss)

              ค่าเฉลี่ย (AC) ที่ 500 - 2,000 เฮิรตซ์ มากกว่า 25 dBHL (decibel hearing level)

              ค่าเฉลี่ย (BC) ที่ 500 - 2,000 เฮิรตซ์ มากกว่า 25 dBHL (decibel hearing level)

              (AC) และ (BC) ในแต่ละความถี่ใกล้เคียงกัน แต่ถ้ามีค่าความแตกต่าง (air bone gap: AB gap) ต้องไม่เกิน 10 dBHL (decibel hearing level)

  1. การรับฟังเสียงบกพร่องแบบผสม (mixed hearing loss)

              ค่าเฉลี่ย (AC) ที่ 500 - 2,000 เฮิรตซ์ มากว่า 25 dBHL (decibel hearing level)

              ค่าเฉลี่ย (BC) ที่ 500 - 2,000 เฮิรตซ์ มากกว่า 25 dBHL (decibel hearing level)

              ค่าความแตกต่าง (air bone gap: AB gap) อย่างน้อย 15 dBHL ใน 2 ความถี่ขึ้นไป

       ทั้งนี้ การสูญเสียการได้ยินก็เป็นภาวะหนึ่งที่ก่อนให้เกิดความทุกข์ทางกายและใจจนอาจเกิดภาวะที่เครียดซึ่งส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญกับอวัยวะส่วนนี้เป็นอย่างมาก

แหล่งที่มา

การตรวจสมรรถภาพการได้ยิน.  สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2561, จาก 
         http://www.chanahospital.go.th/content/การตรวจสมรรถภาพการได้ยิน

การตรวจการได้ยิน.  สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2561, จาก 
         http://www.baw.in.th/sub/sci/161010115/link3_7.htm

การตรวจการได้ยิน.  สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2561, จาก 
         https://www.rcot.org/data_detail.php?op=knowledge&id=134

การตรวจการได้ยิน.  สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2561, จาก 
         http://www.medel.com/th/audiogram/

นพ.วิวัฒน์ เอกบูรณะวัฒน์, แพทย์อาชีวเวชศาสตร์,นพ.สุดเขต นรัฐกิจ, โสต ศอ นาสิกแพทย์. (2556, 9  กุมภาพันธ์).   จะทำอย่างไรเมื่อผลตรวจสมรรถภาพการได้ยินออกมาผิดปกติ.  สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2561, จาก
         http://www.summacheeva.org/index_article_audiometry.htm

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ภาควิชาวิทยาศาสตร์สื่อความหมายและความผิดปกติของการสื่อความหมาย. แก้ไขด้านการได้ยิน.  สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2561, จาก
         https://med.mahidol.ac.th/commdis/th/commdis/audioth

 

หัวเรื่อง และคำสำคัญ
การได้ยิน, หูหนวก, สูญเสียการได้ยิน
ประเภท
Text
ประเภท แบ่งตามผลผลิต สสวท.
บทความ
รูปแบบการนำเสนอ แบ่งตามผลผลิต สสวท.
สื่อสิ่งพิมพ์ในรูปแบบดิจิทัล
ลิขสิทธิ์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
วันที่เสร็จ
วันอังคาร, 17 เมษายน 2561
ผู้แต่ง หรือ เจ้าของผลงาน
ณัฐดนัย เนียมทอง
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
ฟิสิกส์
ระดับชั้น
ม.4
ม.5
ม.6
ช่วงชั้น
มัธยมศึกษาตอนปลาย
กลุ่มเป้าหมาย
ครู
นักเรียน
บุคคลทั่วไป
  • 7862 ได้ยินหรือไม่ได้ยิน ทดสอบกันอย่างไร /article-physics/item/7862-2018-02-22-02-48-07
    เพิ่มในรายการโปรด
  • ให้คะแนน
    Average rating
    • 1
    • 2
    • 3
    • 4
    • 5
    • Share
    • Tweet
    • Share

คุณอาจจะสนใจ
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อแมลงหายไปจากโลกนี้?
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อแมลงหายไปจากโลกนี้?
Hits ฮิต (21636)
ให้คะแนน
สะบัดตัวหรือใช้นิ้วดีดแมลงออกไปให้ไกลตัวเป็นปฏิกิริยาที่พบเห็นได้ทั่วไปในผู้คนที่รู้สึกว่ามีแมลงกำล ...
วิทยาศาสตร์กับสังคมไทย
วิทยาศาสตร์กับสังคมไทย
Hits ฮิต (6544)
ให้คะแนน
อริสโตเติล (Aristotle) ได้เคยกล่าวไว้ว่า "มนุษย์เป็นสัตว์สังคม (Human being is social animal)" เพรา ...
แผ่นห้ามเลือดแผลภายนอกร่างกาย
แผ่นห้ามเลือดแผลภายนอกร่างกาย
Hits ฮิต (41242)
ให้คะแนน
ชีวิตของมนุษย์เป็นเรื่องไม่แน่นอน หลายชีวิตต้องจากโลกไปก่อนเวลาอันควรเพราะอุบัติเหตุต่างๆ แม้หลายรา ...
ค้นหาบทความ
กลุ่มเป้าหมาย
ระดับชั้น
สาขาวิชา/กลุ่มสาระวิชา
การกรองเปลี่ยนแปลง โปรดคลิกที่ส่งเมื่อดำเนินการเสร็จ
  • บทความทั้งหมด
  • ฟิสิกส์
  • เคมี
  • ชีววิทยา
  • คณิตศาสตร์
  • เทคโนโลยี
  • โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
  • วิทยาศาสตร์ทั่วไป
  • สะเต็มศึกษา
  • อื่น ๆ

SciMath ใช้คุกกี้ เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคล และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้
ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งาน และ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตกลง
  • เกี่ยวกับ SciMath
  • ติดต่อเรา
  • สรุปข้อมูล
  • แผนผังเว็บไซต์
  • คำถามที่พบบ่อย
Scimath คลังความรู้

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่แสวงหากำไร ได้จัดทำเว็บไซต์คลังความรู้ SciMath เพื่อส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีทุกระดับการศึกษา โดยเน้นการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นหลัก หากท่านพบว่ามีข้อมูลหรือเนื้อหาใด ๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ โปรดแจ้งให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

The Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (IPST), Ministry of Education, a non-profit organization under the Thai government, developed SciMath as a website that provides educational resources in Science, Mathematics and Technology. IPST invites visitors to use its online resources for personal, educational and other non-commercial purpose. If there are any problems, please contact us immediately.

Copyright © 2018 SCIMATH :: คลังความรู้ SciMath. Terms and Conditions. Privacy. , All Rights Reserved. 
อีเมล: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. (ให้บริการในวันและเวลาราชการเท่านั้น)