คู่มือการใช้หลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ วิชาฟิสิกส์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

การวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ แนวทางการจัดการเรียนรู้ แนวทางการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ 1. เมื่อแสงผ่านสลิตคู่และเกรตติงจะเกิดการ แทรกสอด ทำ�ให้เกิดการเสริมกันเป็นแถบสว่าง และหักล้างกันเป็นแถบมืด 2. เมื่อแสงผ่านสลิตเดี่ยวจะเกิดการเลี้ยวเบน และเกิดการแทรกสอด ทำ�ให้เกิดการเสริมกัน เป็นแถบสว่างและหักล้างกันเป็นแถบมืด ด้านทักษะ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 1. การสังเกต (แถบมืดและแถบสว่าง จากสลิตคู่ เกรตติง และสลิตเดี่ยว) 2. การวัด (ระยะห่างของแถบมืดและแถบสว่าง) 3. การทดลอง 4. การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป (การสรุปผลการทดลอง) 5. การใช้จำ�นวน (ปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การแทรกสอดและการเลี้ยวเบนผ่าน สลิตเดี่ยว สลิตคู่ และเกรตติง) ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 1. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ (การอภิปรายร่วมกันและการนำ�เสนอผล) 2. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและภาวะผู้นำ� 1. นำ�เข้าสู่บทเรียน โดยให้นักเรียนใช้สลิตคู่ เกรตติง และสลิตเดี่ยว ส่องดูแสง จากหลอดไฟ สังเกตและอภิปรายร่วมกันเกี่ยวกับสิ่งที่สังเกตเห็นมีความ เหมือนและแตกต่างกันอย่างไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และนำ�เสนอผล 2. ให้ความรู้ว่า แสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จึงมีสมบัติการแทรกสอดและ การเลี้ยวเบน 3. ให้นักเรียนทดลองการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่และเกรตติง อภิปราย ร่วมกัน จนสรุปได้ว่า เมื่อแสงผ่านสลิตคู่และเกรตติงช่องของสลิตคู่และ เกรตติงคลื่นแสงที่ออกจากแต่ละช่องจะทำ�ตัวเป็นแหล่งกำ�เนิดอาพันธ์ ทำ�ให้เกิดการแทรกสอดแบบเสริมเกิดเป็นแถบสว่างและการแทรกสอด แบบหักล้างเกิดเป็นแถบมืด และร่วมกันวิเคราะห์ตำ�แหน่งแถบมืดและ แถบสว่าง ได้ความสัมพันธ์กันตามสมการสำ�หรับสลิตคู่ แถบสว่าง แถบมืด ด้านความรู้ การแทรกสอดและการเลี้ยวเบนของแสงผ่าน สลิตคู่ เกรตติง และสลิตเดี่ยว จากการอภิปรายร่วมกัน แบบฝึกหัดและแบบทดสอบ ด้านทักษะ 1. การสังเกต การวัด การทดลอง การตีความหมายข้อมูล และลงข้อสรุป ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีมและ ภาวะผู้นำ� จากการอภิปรายร่วมกันและรายงาน การทดลอง 2. การสื่อสารสารสนเทศและการรู้เท่าทันสื่อ จากการ อภิปรายร่วมกันและการนำ�เสนอผล 3. การใช้จำ�นวนในการหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการแทรกสอดและการเลี้ยวเบนของแสงผ่าน สลิตคู่ เกรตติง และสลิตเดี่ยว จากแบบฝึกหัดและ แบบทดสอบ ด้านจิตวิทยาศาสตร์ 1. ความซื่อสัตย์ จากรายงานผลการทดลอง 2. ความมุ่งมั่นอดทน จากการทดลอง และการอภิปราย ร่วมกัน ผลการเรียนรู้ 8. ทดลองและอธิบายสมบัติการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตคู่และเกรตติง สมบัติการเลี้ยวเบนและการแทรกสอดของแสงผ่านสลิตเดี่ยว รวมทั้งคำ�นวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง v f   t v t 6.0 331   A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n            2 1 sin n d เมื่อ ,...3,2,1  n 1 2 dx n D         เมื่อ ,...3,2,1  n t v t 6.0 331   A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เื่ อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n            2 1 sin n d เมื่อ ,...3,2,1  n 1 dx n       เมื่อ ,...3,2,1  n t A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n dx D  เมื่อ 0,1, 2, .            2 1 sin n d เมื่อ ,...3,2,1  n 1 2 dx n D         เมื่อ ,...3,2,1  n t v t 6.0 331   A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n            2 1 sin n d เมื่อ ,...3,2,1  n 1 2 dx n D         เมื่อ ,...3,2,1  n   n d  sin ,... 2,1,0  n A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n            2 1 sin n d เมื่อ ,...3,2,1  n 1 2 dx n D         เมื่อ ,...3,2,1  n A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่ 0,1, 2, .. n           2 1 sin d ื่อ ,...3,2,1  1 2 dx n D         เมื่อ ,...3,2,1  n   n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n  t v t 6.0 331   A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n            2 1 sin n d เมื่อ ,...3,2,1  n t v t 6.0 331   A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n            2 1 sin n d เมื่อ ,...3,2,1 n 1 2 dx n D         เมื่อ ,...3,2,1  n   n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n dx n   เมื่อ 0,1, 2, .. n  A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เมื่อ ,.2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n            2 1 sin n d เมื่อ , ..3,2,1  n 1 2 dx n D         เมื่อ ,...3,2,1  n   n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n t A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เื่ อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n            2 1 sin n d เมื่อ ,...3,2,1  n 1 2 dx n D         เมื่อ ,...3,2,1  n   n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n  t A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เมื่อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n            2 1 sin n d เมื่อ ,...3,2,1  n 1 2 dx n D         เมื่อ ,...3,2,1  n   n d  si เมื่อ ,... 2,1,0  n dx n D   เมื่อ 0 1, 2, .. n  A P I         0 log 10 I I  4 n v f n L  1, 3, 5, ... n    n d  sin เมื่อ ,... 2,1,  n dx n D   เมื่อ 0,1, 2, .. n          2 1 sin d เื่ อ ,...3,2,1  n 1 2 dx n D         เมื่อ ,...3,2,1  n 140